การคุ้มครอง สิทธิบัตรในประเทศไทยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนนักประดิษฐ์ที่แนะนำเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ บริษัทได้รับประโยชน์หลายอย่างจากการจดทะเบียนสิทธิบัตร ประการแรก ผู้รับสิทธิบัตรได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการป้องกันตนเองจากผู้อื่นที่ทำ ใช้ ขาย หรือแจกจ่ายสิ่งประดิษฐ์หรือการออกแบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ประการที่สอง สิทธิบัตรที่ได้รับช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ประการที่สาม สิทธิบัตรที่ได้รับนั้นสามารถบังคับใช้ได้ การคุ้มครองสิทธิบัตรช่วยให้ธุรกิจได้เปรียบในการแข่งขันและช่วยให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เพื่อชดใช้ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา ประเทศไทยใช้ระบบสิทธิบัตร "แปลกใหม่อย่างแท้จริง" และ "ผู้ยื่นจดสิทธิบัตรรายแรก" ทำให้การรักษาความลับเป็นสิ่งจำเป็นจนกว่าจะมีการจดทะเบียนสิทธิบัตร เช่นเดียวกับกฎหมายสิทธิบัตรของยุโรปกฎหมายสิทธิบัตรของไทยตามมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 (แก้ไขเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2535, 2542) ให้สิทธิบัตรแก่การประดิษฐ์ที่ (1) ไม่ชัดเจน (เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการประดิษฐ์) (2) เป็นเรื่องแปลกใหม่ และ (3) สามารถประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมได้ ภายใต้ กฎหมายไทย นวัตกรรมเป็นที่เข้าใจกันว่าหมายถึงขั้นตอนการประดิษฐ์ หาก "ไม่ปรากฏชัดต่อบุคคลที่...มีฝีมือในศิลปะ" ตามคู่มือการตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร "การประดิษฐ์จะต้องให้ประโยชน์หรือการปรับปรุงในกรณีต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งอย่าง