อวกาศเป็นสุญญากาศที่ปราศจากอากาศ หมายความว่าไม่มีชั้นบรรยากาศและไม่มีแรงกดดันจากโมเลกุลของอากาศ ซึ่งไม่เหมือนกับบน โลก ความดันบรรยากาศกำหนดอุณหภูมิที่ของเหลวเดือดและกลายเป็นก๊าซ หากความดันที่กระทำโดยอากาศภายนอกของเหลวสูงเนื่องจากอยู่ในระดับน้ำทะเลบนโลก ฟองก๊าซจะก่อตัวขึ้นบนพื้นผิวและหลบหนีได้ยากขึ้น แต่เนื่องจากในอวกาศแทบไม่มีความดันบรรยากาศ จุดเดือดของของเหลวจึงลดลงอย่างมาก  ดร. คริส เลห์นฮาร์ด นักวิทยาศาสตร์ ชุดอวกาศ ด้านองค์ประกอบของโครงการวิจัยมนุษย์แห่ง NASA กล่าวกับ Live Science ว่า อย่างที่คุณจินตนาการได้ว่า 60% ของร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำ นี่จึงเป็นปัญหาร้ายแรง ในกรณีที่ไม่มีแรงดัน น้ำที่เป็นของเหลวในร่างกายของเราจะเดือด — เปลี่ยนจากของเหลวเป็นก๊าซทันที โดยพื้นฐานแล้ว เนื้อเยื่อในร่างกายของคุณทั้งหมดที่มีน้ำจะเริ่มขยายตัว เขากล่าว มนุษย์บางคนได้สัมผัสกับสุญญากาศและรอดชีวิตมาได้เพื่อบอกเล่าเรื่องราว ในปี 1966 จิม เลอบลัง วิศวกรการบินและอวกาศของ NASA ได้ช่วยทดสอบประสิทธิภาพของต้นแบบชุดอวกาศในห้องสุญญากาศขนาดใหญ่ เมื่อถึงจุดหนึ่งของการทดสอบ ท่อที่ป้อนอากาศที่มีแรงดันเข้าไปในชุดของเขาถูกตัดการเชื่อมต่อ ขณะที่ฉันเดินโซเซไปด้านหลัง ฉันรู้สึกว่าน้ำลายบนลิ้นของฉันเริ่มมีฟองก่อนที่ฉันจะหมดสติไป และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้ เขาเล่าในซีรีส์สารคดีเรื่อง Moon Machines ในปี 2008 ตอน The Space Suit  การก่อตัวของฟองก๊าซในของเหลวในร่างกายหรือที่เรียกว่า ebullism ยังเกิดขึ้นในนักดำน้ำลึกที่ขึ้นผิวน้ำเร็วเกินไปเพราะพวกมันเปลี่ยนจากสภาพแวดล้อมใต้น้ำที่มีแรงดันสูงไปสู่แรงดันต่ำที่ผิวน้ำ สำหรับนักบินอวกาศที่ไม่ใส่สูท เลือดที่ไหลผ่านเส้นเลือดจะเดือดน้อยกว่าน้ำในเนื้อเยื่อ เนื่องจากระบบไหลเวียนเลือดมีแรงดันภายในของมันเอง แต่อาการ ebullism จำนวนมากในเนื้อเยื่อของร่างกายจะส่งผลอย่างรวดเร็ว การทบทวนในปี 2013 ในวารสารAerospace Medicine and Human Performanceซึ่งดูที่การสัมผัสกับสุญญากาศในสัตว์และมนุษย์ก่อนหน้านี้พบว่าพวกเขาหมดสติภายใน 10 วินาที บางรายสูญเสียการควบคุมกระเพาะปัสสาวะและระบบลำไส้ และการบวมของกล้ามเนื้อทำให้เลือดไหลเวียนไปยังหัวใจและสมอง ได้จำกัด เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ขยายออกทำหน้าที่เหมือนไอระเหย